เข้าสู่หน้าฝนแล้ว หลายคนต้องเจอเหตุการ์น้ำขัง

เข้าสู่หน้าฝนแล้ว หลายคนต้องเจอเหตุการ์น้ำขัง

26 August 2022

เข้าสู่หน้าฝนแล้ว หลายคนต้องเจอเหตุการ์น้ำขัง

วันนี้ FIX FIT มีเกร็ดความรู้มาฝากทุกท่าน เริ่มกันเลย

ระดับน้ำ 5-10 เซนติเมตร

เป็นระดับน้ำที่ท่วมน้อย แต่ยังอยู่ในระดับที่ปลอดภัย สามารถขับรถผ่านไปได้ อย่าลืมที่จะระมัดระวังไม่ควรใช้ความเร็วสูงในการขับขี่

ระดับน้ำ 10-20 เซนติเมตร

เป็นปริมาณน้ำที่น้ำท่วมขังแล้ว แต่รถทุกประเภทยังสามารถขับรถลุยน้ำได้ ขับผ่านไปได้สบายๆ โดยไม่มีปัญหาต่อเครื่องยนต์ แต่รถขนาดเล็กจะได้ยินเสียงน้ำกระเพื่อมใต้ท้องรถ และยังมีโอกาสที่เข้าจะไปในตัวรถ แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ควรใช้ความเร็ว และใช้ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ

ระดับน้ำ 20-40 เซนติเมตร

เป็นรถระดับที่ค่อนข้างเสี่ยงกับรถเก๋ง รถขนาดเล็ก โดยปัจจุบันส่วนใหญ่ มักจะถูกออกแบบมาให้มีความสูงจากระดับพื้น 15 -17 เซนติเมตรเท่านั้น จึงทำให้การขับรถลุยน้ำระดับนี้ คงเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากสำหรับรถเก๋งขนาดเล็ก อาจทำให้เกิดปัญหาท่อไอเสียจม แต่ก็ยังสามารถลุยน้ำผ่านไปได้ ไม่ควรใช้ความเร็ว ในส่วนรถกระบะก็ยังสามารถขับลุยน้ำไปได้

ระดับน้ำ 40-60 เซนติเมตร

เป็นอันตรายกับรถเก๋งและขนาดกลางทุกประเภท ซึ่งปริมาณน้ำที่สูง ควรที่จะหลีกเลียงการขับลุยน้ำ แต่สำหรับรถที่มีความสูงอย่าง รถกระบะ ยังสามารถขับฝ่าไปได้ โดยแนะนำควรใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ให้ช้าลง เพื่อไม่ให้เกิดคลื่นน้ำซัดเข้าหารถจากรถที่สวนมาในเลนตรงข้าม เพื่อลดความเสี่ยงที่น้ำจะกระจายเข้าสู่ห้องเครื่องยนต์ และควรปิดเครื่องปรับอากาศ เพื่อป้องกันพัดลมแอร์หน้ารถ ดูดเอาละอองน้ำเข้าไปในเครื่องยนต์ จะทำให้เครื่องยนต์ดับ

ระดับน้ำ 60-80 เซนติเมตร

ซึ่งเป็นระดับน้ำที่เป็นอันตรายกับรถยนต์ทุกชนิด ไม่ควรที่จะขับลุยน้ำเด็ดขาด เนื่องจากน้ำจะไหลเข้าห้องเครื่องยนต์ ส่งผลให้เครื่องยนต์ดับ และหยุดการทำงาน รวมถึงก่อให้เกิดความเสียหายในระบบต่างๆอีกด้วย

ระดับน้ำ 80 เซนติเมตร ขึ้นไป

ระดับน้ำที่สูงสุดที่รถยนต์ทุกประเภท ที่ไม่สามารถจราจรไปได้ ในระดับนี้ท่วมถึงไฟหน้า และฝากระโปรงขึ้นมา ถือว่าเป็นปริมาณน้ำอันตรายต่อเครื่องยนต์

#สิ่งที่ต้องรับมือเมื่อต้องขับรถลุยน้ำ

-ประเมินสถานการณ์ระดับน้ำ

-ปิดระบบการทำงานเครื่องปรับอากาศ และระบบไฟฟ้า

-ใช้เกียร์ต่ำ เลี้ยงรอบเครื่องไม่ให้ต่ำกว่า 1,500 -2,000 รอบต่อนาที หากเกินจะส่งผลให้เครื่องยนต์ดับ

-ไม่ควรเร่งเครื่อง

-ลดความเร็วขณะที่ขับรถสวนกัน

-เว้นระยะห่างจากรถคันหน้า

-หากรถดับ ไม่ควรสตาร์ทรถ เพราะยิ่งสตาร์ทจะทำให้น้ำเข้าสู่เครื่องยนต์

-หลังจากขับรถลุยน้ำควรตรวจเช็คการทำงานของระบบเบรกเป็นอันดับแรก โดยการขับให้ช้าลง และเบรกเป็นช่วงๆ เพื่อให้เบรก และดิสก์เบรกแห้งเร็ว ส่วนรถที่ใช้การทำงานดรัมเบรกจะแห้งช้ากว่า ควรเพื่อความระมัดระวังและขับขี่ให้ช้าลง อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ขับขี่บนท้องถนน ต้องประเมินสถานการณ์ของระดับน้ำ ไม่ว่าระดับประมาณน้ำจะท่วมสูงแค่ไหน ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก เพราะอาจจะเกิดอันตรายต่อทรัพย์สินและชีวิตได้ ทั้งตัวคุณเองและเพื่อนร่วมทาง