ดูแลรถมือสองอย่างไร ให้ใช้งานได้ดีไม่แพ้รถมือหนึ่ง

ดูแลรถมือสองอย่างไร ให้ใช้งานได้ดีไม่แพ้รถมือหนึ่ง

01 September 2022

ดูแลรถมือสองอย่างไร ให้ใช้งานได้ดีไม่แพ้รถมือหนึ่

ในบทความนี้เรามาดูกันครับ หลังจากที่ซื้อรถมือสองมาแล้ว เราต้องดูแลจุดไหนเป็นพิเศษเพื่อให้รถอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ใช้งานได้ดีไม่แพ้มือหนึ่ง และอยู่กับเราไปนานๆ

น้ำมันเครื่อง

รถมือสองทั้งเก่าและใหม่ หลังจากที่เราซื้อมาแล้วควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องก่อนเลยครับ ซึ่งการเลือกใช้น้ำมันเครื่อง ควรเลือกให้เหมาะสม หากรถยังใหม่ วิ่งใช้งานมาน้อย ก็ใช้เบอร์น้ำมันเครื่องตามคู่มือที่ผู้ผลิตแนะนำได้เลย แต่ถ้าหากเป็นรถเก่า หรือรถที่มีเลขไมล์เยอะๆ อาจเพิ่มเบอร์ความหนืดของน้ำมันเครื่องให้สูงขึ้นอีกนิด เพื่อเติมเต็มช่องว่างที่หลวมระหว่างชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ และควรเช็กระดับน้ำมันเครื่องเป็นระยะ ห้ามปล่อยให้น้ำมันเครื่องแห้งโดยเด็ดขาด

น้ำมันเกียร์

ทำหน้าที่คล้ายกับน้ำมันเครื่อง คือ หล่อลื่น ระบายความร้อน และลดแรงเสียดสีระหว่างชิ้นส่วนต่างๆ ซึ่งสามารถเสื่อมสภาพได้เช่นกัน หลังจากที่ซื้อรถมือสองมาแล้ว ให้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทันที หลังจากนั้นค่อยเปลี่ยนตามระยะเมื่อครบกำหนดอายุการใช้งาน ห้ามละเลยเด็ดขาด เพราะเกียร์มีราคาที่แพงมาก หากไม่เปลี่ยนน้ำมันเกียร์เลย เสี่ยงทำให้ชิ้นส่วนภายในเกิดการชำรุดเสียหาย อาจถึงขั้นต้องซ่อมแซมกันชุดใหญ่เลยทีเดียว

น้ำมันเบรก และผ้าเบรก

เพราะรถมือสอง เจ้าของรถคนใหม่อย่างเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าที่ผ่านมาเจ้าของรถคนเก่าใช้งานมาแบบไหน ใช้เดินทางไกล ขึ้นเขา ลงห้วย หรือ เจอการจราจรติดขัดเป็นประจำ ทำให้ระบบเบรกทำงานหนัก ควรตรวจสอบน้ำมันเบรกอยู่ในระดับที่กำหนด และตรวจสอบรอยรั่วเพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้น และเช็กผ้าเบรกว่าใกล้หมดหรือยัง สามารถสังเกตุด้วยตัวเอง คือ จานเบรกมีรอยขูด ไม่สม่ำเสมอ เบรกแล้วมีเสียง ผ้าเบรกบาง 3-4 mm หากพบอาการเหล่านี้ให้นำรถเข้าอู่ทันที

สายพาน

สายพานไทมมิ่ง ควรเปลี่ยนทันทีที่ตัดสินใจซื้อรถมือสอง โดยปกติมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 100,000 กิโลเมตร หากโชคร้ายเกิดขาดขึ้นมาแบบกะทันหัน อาจทำให้ก้านสูบ หรือลูกสูบแตก และวาล์วคดงอ สายพานหน้าเครื่อง เช่น สายพานเพาเวอร์ สายพานไดชาร์จ สายพานปั๊ม สายพานคอมเพรสเซอร์แอร์ มีอายุการใช้งานอย่างน้อย 50,000 กิโลเมตร หรือ 2 –3 ปี สามารถเปิดฝากระโปรงหน้า แล้วตรวจเช็กว่ามีรอยแตกลายงา เนื้อยางแตกเป็นบั้งๆ หรือมีเส้นด้ายหลุดหลุ่ยออกมาให้เปลี่ยนใหม่ทันที

ยาง

ที่แก้มยาง จะมีตัวเลข 4 หลัก 2 ตัวแรกคือสัปดาห์ที่ผลิต และ 2 ตัวหลังคือปี ค.ศ. ที่ผลิตโดยทั่วไปนั้นยางรถยนต์มีอายุการใช้งานประมาณ 3-5 ปี หรือหากพบว่ายางมีอาการบวม ฉีกขาด แตกลายงา ดอกยางหมด ควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่ นอกจากนี้ลมยางมีผลอย่างยิ่งกับสมรรถนะการขับขี่ทั้งด้าน การควบคุม การบังคับเลี้ยว การเบรก หากเติมลมยางที่ผิดพลาดไม่ว่าจะมาก หรือน้อยไป จะส่งผลให้เกิดการสึกหรอที่ผิดปกติ เมื่อใช้ไปนานวันก็จะทำให้ยางเสื่อมสภาพไว

และทั้งหมดนี้ คือส่วนสำคัญของรถที่เมื่อเปลี่ยนมือเจ้าของก็ควรที่จะเปลี่ยนใหม่ หากงบน้อยแนะนำให้เริ่มจากสังเกตุอาการตามจุดต่างๆและทำไปทีละส่วน แต่ถ้าใครมีงบพร้อมก็ทำให้ครบไปเลยครับ