การใช้รถในแต่ละวันทำให้รถเสื่อมสภาพลงได้เป็นเรื่องปกติ และเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างรถเสียกลางทางก็อาจเกิดขึ้นได้แม้จะตรวจเช็กสภาพรถอยู่ตลอดก็ตาม
หากรถเสียบนท้องถนนเส้นทางทั่วไปเจ้าของรถอาจไม่เครียดมากเท่าไร เพราะสามารถหลบเข้าไหล่ทางและตามช่างมายกรถได้ตลอด แต่หากเป็นเหตุการณ์รถเสียบนทางด่วนต้องทำอย่างไร วันนี้ เกร็ดความรู้จากโตโยต้า รวบรวมข้อมูลมาฝากกันเพื่อเป็นแนวทางการเอาตัวรอดเมื่อรถเสียอยู่บนทางด่วน
อย่างที่ทราบกันว่าทางด่วนเป็นเส้นทางที่ช่วยให้เดินทางได้อย่างรวดเร็ว ร่นระยะเวลาเดินทางเข้า-ออกเมืองได้เป็นอย่างดี รวมถึงช่วยให้เดินทางไปจังหวัดใกล้เคียงได้แบบประหยัดเวลามากกว่า ด้วยเหตุนี้ รถบนทางด่วนจึงมักขับขี่ด้วยความเร็ว อีกทั้งยังไม่ค่อยมีจุดแวะพักหรือไหล่ทางให้พักรถเท่าไรนัก เมื่อเกิดรถเสียขึ้นมา การทางพิเศษแห่งประเทศไทยหรือ กทพ. จึงได้แนะนำแนวทางเพื่อความปลอดภัยเมื่อเกิดรถเสียบนทางด่วนหรืออุบัติเหตุต่าง ๆ เอาไว้ดังนี้
1. เปิดไฟฉุกเฉิน
เมื่อรู้สึกว่ารถเกิดผิดปกติและมั่นใจว่ารถเสียแน่ ๆ ให้เปิดไฟฉุกเฉินทันทีเพื่อบอกเพื่อนร่วมทางคันอื่น จากนั้นพยายามนำรถเข้าไหล่ทางหรือจุดพักรถบนทางด่วนทันทีที่มีโอกาส อย่าลืมใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะบนทางด่วนนั้นรถจะขับด้วยความเร็วสูง
2. โทรขอความช่วยเหลือที่เบอร์ 1543
โทรศัพท์มือถือจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับขอความช่วยเหลือเมื่อรถเสียบนทางด่วน เมื่อนำรถเข้าไหล่ทางได้แล้วให้ติดต่อไปหาคอลเซ็นเตอร์ เบอร์ 1543 โดยไม่ต้องลงจากรถ ควรนั่งอยู่ในรถและคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่ตลอดเวลาเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ควรล็อกประตูเอาไว้ด้วย
3. ใช้โทรศัพท์ฉุกเฉิน
หากรถเสียแล้วโทรศัพท์ไม่พร้อมใช้งาน บนทางด่วนจะมีตู้โทรศัพท์ฉุกเฉินตั้งอยู่ทุก ๆ 500–1,000 เมตร ให้พยายามเดินเลียบไหล่ทางเพื่อความปลอดภัย จากนั้นจึงใช้โทรศัพท์ฉุกเฉินเหล่านั้นโทรขอความช่วยเหลือโดยแจ้งสาเหตุ อาการของรถหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงจุดที่นำรถเข้าจอดบนไหล่ทางอย่างละเอียด
เมื่อเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาสำหรับคนใช้รถใช้ถนนจึงต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยของตนเองเป็นสำคัญด้วย เพราะการลงมาจากรถในกรณีที่รถเสียกลางทาง ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุจนนำไปสู่การสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินอยู่บ่อยครั้ง จึงควรตั้งสติให้ดี และปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้นก็จะช่วยให้ผ่านสถานการณ์เหล่านี้ไปได้
นอกจากนี้ โทรศัพท์มือถือก็ควรพร้อมใช้งานตลอดเวลาด้วย อย่าเผลอปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเป็นอันขาด เพราะหากเกิดเหตุรถเสียบนทางด่วนขึ้นมา ก็อาจจะทำให้การโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือกลายเป็นเรื่องยากทันที!
ข้อมูล : tlt.co.th
การใช้รถในแต่ละวันทำให้รถเสื่อมสภาพลงได้เป็นเรื่องปกติ และเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างรถเสียกลางทางก็อาจเกิดขึ้นได้แม้จะตรวจเช็กสภาพรถอยู่ตลอดก็ตาม
หากรถเสียบนท้องถนนเส้นทางทั่วไปเจ้าของรถอาจไม่เครียดมากเท่าไร เพราะสามารถหลบเข้าไหล่ทางและตามช่างมายกรถได้ตลอด แต่หากเป็นเหตุการณ์รถเสียบนทางด่วนต้องทำอย่างไร วันนี้ เกร็ดความรู้จากโตโยต้า รวบรวมข้อมูลมาฝากกันเพื่อเป็นแนวทางการเอาตัวรอดเมื่อรถเสียอยู่บนทางด่วน
อย่างที่ทราบกันว่าทางด่วนเป็นเส้นทางที่ช่วยให้เดินทางได้อย่างรวดเร็ว ร่นระยะเวลาเดินทางเข้า-ออกเมืองได้เป็นอย่างดี รวมถึงช่วยให้เดินทางไปจังหวัดใกล้เคียงได้แบบประหยัดเวลามากกว่า ด้วยเหตุนี้ รถบนทางด่วนจึงมักขับขี่ด้วยความเร็ว อีกทั้งยังไม่ค่อยมีจุดแวะพักหรือไหล่ทางให้พักรถเท่าไรนัก เมื่อเกิดรถเสียขึ้นมา การทางพิเศษแห่งประเทศไทยหรือ กทพ. จึงได้แนะนำแนวทางเพื่อความปลอดภัยเมื่อเกิดรถเสียบนทางด่วนหรืออุบัติเหตุต่าง ๆ เอาไว้ดังนี้
1. เปิดไฟฉุกเฉิน
เมื่อรู้สึกว่ารถเกิดผิดปกติและมั่นใจว่ารถเสียแน่ ๆ ให้เปิดไฟฉุกเฉินทันทีเพื่อบอกเพื่อนร่วมทางคันอื่น จากนั้นพยายามนำรถเข้าไหล่ทางหรือจุดพักรถบนทางด่วนทันทีที่มีโอกาส อย่าลืมใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะบนทางด่วนนั้นรถจะขับด้วยความเร็วสูง
2. โทรขอความช่วยเหลือที่เบอร์ 1543
โทรศัพท์มือถือจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับขอความช่วยเหลือเมื่อรถเสียบนทางด่วน เมื่อนำรถเข้าไหล่ทางได้แล้วให้ติดต่อไปหาคอลเซ็นเตอร์ เบอร์ 1543 โดยไม่ต้องลงจากรถ ควรนั่งอยู่ในรถและคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่ตลอดเวลาเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ควรล็อกประตูเอาไว้ด้วย
3. ใช้โทรศัพท์ฉุกเฉิน
หากรถเสียแล้วโทรศัพท์ไม่พร้อมใช้งาน บนทางด่วนจะมีตู้โทรศัพท์ฉุกเฉินตั้งอยู่ทุก ๆ 500–1,000 เมตร ให้พยายามเดินเลียบไหล่ทางเพื่อความปลอดภัย จากนั้นจึงใช้โทรศัพท์ฉุกเฉินเหล่านั้นโทรขอความช่วยเหลือโดยแจ้งสาเหตุ อาการของรถหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงจุดที่นำรถเข้าจอดบนไหล่ทางอย่างละเอียด
เมื่อเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาสำหรับคนใช้รถใช้ถนนจึงต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยของตนเองเป็นสำคัญด้วย เพราะการลงมาจากรถในกรณีที่รถเสียกลางทาง ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุจนนำไปสู่การสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินอยู่บ่อยครั้ง จึงควรตั้งสติให้ดี และปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้นก็จะช่วยให้ผ่านสถานการณ์เหล่านี้ไปได้
นอกจากนี้ โทรศัพท์มือถือก็ควรพร้อมใช้งานตลอดเวลาด้วย อย่าเผลอปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเป็นอันขาด เพราะหากเกิดเหตุรถเสียบนทางด่วนขึ้นมา ก็อาจจะทำให้การโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือกลายเป็นเรื่องยากทันที!
ข้อมูล : tlt.co.th
การใช้รถในแต่ละวันทำให้รถเสื่อมสภาพลงได้เป็นเรื่องปกติ และเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างรถเสียกลางทางก็อาจเกิดขึ้นได้แม้จะตรวจเช็กสภาพรถอยู่ตลอดก็ตาม
หากรถเสียบนท้องถนนเส้นทางทั่วไปเจ้าของรถอาจไม่เครียดมากเท่าไร เพราะสามารถหลบเข้าไหล่ทางและตามช่างมายกรถได้ตลอด แต่หากเป็นเหตุการณ์รถเสียบนทางด่วนต้องทำอย่างไร วันนี้ เกร็ดความรู้จากโตโยต้า รวบรวมข้อมูลมาฝากกันเพื่อเป็นแนวทางการเอาตัวรอดเมื่อรถเสียอยู่บนทางด่วน
อย่างที่ทราบกันว่าทางด่วนเป็นเส้นทางที่ช่วยให้เดินทางได้อย่างรวดเร็ว ร่นระยะเวลาเดินทางเข้า-ออกเมืองได้เป็นอย่างดี รวมถึงช่วยให้เดินทางไปจังหวัดใกล้เคียงได้แบบประหยัดเวลามากกว่า ด้วยเหตุนี้ รถบนทางด่วนจึงมักขับขี่ด้วยความเร็ว อีกทั้งยังไม่ค่อยมีจุดแวะพักหรือไหล่ทางให้พักรถเท่าไรนัก เมื่อเกิดรถเสียขึ้นมา การทางพิเศษแห่งประเทศไทยหรือ กทพ. จึงได้แนะนำแนวทางเพื่อความปลอดภัยเมื่อเกิดรถเสียบนทางด่วนหรืออุบัติเหตุต่าง ๆ เอาไว้ดังนี้
1. เปิดไฟฉุกเฉิน
เมื่อรู้สึกว่ารถเกิดผิดปกติและมั่นใจว่ารถเสียแน่ ๆ ให้เปิดไฟฉุกเฉินทันทีเพื่อบอกเพื่อนร่วมทางคันอื่น จากนั้นพยายามนำรถเข้าไหล่ทางหรือจุดพักรถบนทางด่วนทันทีที่มีโอกาส อย่าลืมใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะบนทางด่วนนั้นรถจะขับด้วยความเร็วสูง
2. โทรขอความช่วยเหลือที่เบอร์ 1543
โทรศัพท์มือถือจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับขอความช่วยเหลือเมื่อรถเสียบนทางด่วน เมื่อนำรถเข้าไหล่ทางได้แล้วให้ติดต่อไปหาคอลเซ็นเตอร์ เบอร์ 1543 โดยไม่ต้องลงจากรถ ควรนั่งอยู่ในรถและคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่ตลอดเวลาเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ควรล็อกประตูเอาไว้ด้วย
3. ใช้โทรศัพท์ฉุกเฉิน
หากรถเสียแล้วโทรศัพท์ไม่พร้อมใช้งาน บนทางด่วนจะมีตู้โทรศัพท์ฉุกเฉินตั้งอยู่ทุก ๆ 500–1,000 เมตร ให้พยายามเดินเลียบไหล่ทางเพื่อความปลอดภัย จากนั้นจึงใช้โทรศัพท์ฉุกเฉินเหล่านั้นโทรขอความช่วยเหลือโดยแจ้งสาเหตุ อาการของรถหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงจุดที่นำรถเข้าจอดบนไหล่ทางอย่างละเอียด
เมื่อเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาสำหรับคนใช้รถใช้ถนนจึงต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยของตนเองเป็นสำคัญด้วย เพราะการลงมาจากรถในกรณีที่รถเสียกลางทาง ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุจนนำไปสู่การสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินอยู่บ่อยครั้ง จึงควรตั้งสติให้ดี และปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้นก็จะช่วยให้ผ่านสถานการณ์เหล่านี้ไปได้
นอกจากนี้ โทรศัพท์มือถือก็ควรพร้อมใช้งานตลอดเวลาด้วย อย่าเผลอปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเป็นอันขาด เพราะหากเกิดเหตุรถเสียบนทางด่วนขึ้นมา ก็อาจจะทำให้การโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือกลายเป็นเรื่องยากทันที!
ข้อมูล : tlt.co.th
การใช้รถในแต่ละวันทำให้รถเสื่อมสภาพลงได้เป็นเรื่องปกติ และเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างรถเสียกลางทางก็อาจเกิดขึ้นได้แม้จะตรวจเช็กสภาพรถอยู่ตลอดก็ตาม
หากรถเสียบนท้องถนนเส้นทางทั่วไปเจ้าของรถอาจไม่เครียดมากเท่าไร เพราะสามารถหลบเข้าไหล่ทางและตามช่างมายกรถได้ตลอด แต่หากเป็นเหตุการณ์รถเสียบนทางด่วนต้องทำอย่างไร วันนี้ เกร็ดความรู้จากโตโยต้า รวบรวมข้อมูลมาฝากกันเพื่อเป็นแนวทางการเอาตัวรอดเมื่อรถเสียอยู่บนทางด่วน
อย่างที่ทราบกันว่าทางด่วนเป็นเส้นทางที่ช่วยให้เดินทางได้อย่างรวดเร็ว ร่นระยะเวลาเดินทางเข้า-ออกเมืองได้เป็นอย่างดี รวมถึงช่วยให้เดินทางไปจังหวัดใกล้เคียงได้แบบประหยัดเวลามากกว่า ด้วยเหตุนี้ รถบนทางด่วนจึงมักขับขี่ด้วยความเร็ว อีกทั้งยังไม่ค่อยมีจุดแวะพักหรือไหล่ทางให้พักรถเท่าไรนัก เมื่อเกิดรถเสียขึ้นมา การทางพิเศษแห่งประเทศไทยหรือ กทพ. จึงได้แนะนำแนวทางเพื่อความปลอดภัยเมื่อเกิดรถเสียบนทางด่วนหรืออุบัติเหตุต่าง ๆ เอาไว้ดังนี้
1. เปิดไฟฉุกเฉิน
เมื่อรู้สึกว่ารถเกิดผิดปกติและมั่นใจว่ารถเสียแน่ ๆ ให้เปิดไฟฉุกเฉินทันทีเพื่อบอกเพื่อนร่วมทางคันอื่น จากนั้นพยายามนำรถเข้าไหล่ทางหรือจุดพักรถบนทางด่วนทันทีที่มีโอกาส อย่าลืมใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะบนทางด่วนนั้นรถจะขับด้วยความเร็วสูง
2. โทรขอความช่วยเหลือที่เบอร์ 1543
โทรศัพท์มือถือจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับขอความช่วยเหลือเมื่อรถเสียบนทางด่วน เมื่อนำรถเข้าไหล่ทางได้แล้วให้ติดต่อไปหาคอลเซ็นเตอร์ เบอร์ 1543 โดยไม่ต้องลงจากรถ ควรนั่งอยู่ในรถและคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่ตลอดเวลาเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ควรล็อกประตูเอาไว้ด้วย
3. ใช้โทรศัพท์ฉุกเฉิน
หากรถเสียแล้วโทรศัพท์ไม่พร้อมใช้งาน บนทางด่วนจะมีตู้โทรศัพท์ฉุกเฉินตั้งอยู่ทุก ๆ 500–1,000 เมตร ให้พยายามเดินเลียบไหล่ทางเพื่อความปลอดภัย จากนั้นจึงใช้โทรศัพท์ฉุกเฉินเหล่านั้นโทรขอความช่วยเหลือโดยแจ้งสาเหตุ อาการของรถหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงจุดที่นำรถเข้าจอดบนไหล่ทางอย่างละเอียด
เมื่อเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาสำหรับคนใช้รถใช้ถนนจึงต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยของตนเองเป็นสำคัญด้วย เพราะการลงมาจากรถในกรณีที่รถเสียกลางทาง ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุจนนำไปสู่การสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินอยู่บ่อยครั้ง จึงควรตั้งสติให้ดี และปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้นก็จะช่วยให้ผ่านสถานการณ์เหล่านี้ไปได้
นอกจากนี้ โทรศัพท์มือถือก็ควรพร้อมใช้งานตลอดเวลาด้วย อย่าเผลอปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเป็นอันขาด เพราะหากเกิดเหตุรถเสียบนทางด่วนขึ้นมา ก็อาจจะทำให้การโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือกลายเป็นเรื่องยากทันที!
ข้อมูล : tlt.co.th